จุดเริ่มต้น
โตโยต้า มอเตอร์ คอร์เปอเรชั่น เริ่มก่อตั้งเมื่อเดือนกันยายน พ.ศ. 2476 (ค.ศ. 1933) เมื่อบริษัทผลิตเครื่องทอผ้าโตโยดะนำโดยคีชิโระ โตะโยะดะได้ทำการตั้งแผนกใหม่ในปี พ.ศ. 2477 (ค.ศ. 1934) เพื่อทุ่มเทให้กับการพัฒนาเครื่องยนต์ Type A ซึ่งได้นำไปใช้ใน Model A1 ซึ่งเป็นรถยนต์นั่งคันแรกของบริษัทในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2478 (ค.ศ. 1935) และรถบรรทุก G1 ในเดือนกรกฎาคมปีเดียวกัน ซึ่ง Model A1 ได้พัฒนามาผลิตเพื่อการค้าเต็มรูปแบบซึ่งคือ Model AA ในปี พ.ศ. 2479 (ค.ศ. 1936)
ผลการดำเนินงานของโตโยต้า
ในปี พ.ศ. 2549 โตโยต้าได้ถูกจัดลำดับโดยนิตยสาร Fortune ให้เป็นบริษัทผู้ผลิตรถยนต์อันดับสองของโลก รองจากบริษัท GM และในปี พ.ศ. 2550 โตโยต้าก็สามารถทำยอดขายทั่วโลกได้สูสีกับ GM แต่ที่น่าสนใจก็คือผลการดำเนินงานในเชิงกำไรของโตโยต้าเพียงบริษัทเดียว มีมากกว่า บริษัท GM รวมกับ Ford และ Chrysler ซึ่งแสดงให้เห็นว่าโตโยต้ามีผลประกอบการที่ดีมาก ซึ่งจากหนังสือ วิถีแห่งโตโยต้า ได้สรุปว่าสาเหตุที่โตโยต้าสามารถดำเนินธุรกิจได้ดีเพราะการใช้ระบบการผลิต ที่มีประสิทธิภาพ ที่คิดค้นโดยโตโยต้า ที่มีชื่อว่า ระบบการผลิตแบบโตโยต้า ที่ประกอบด้วยการดำเนินการผลิตแบบทันเวลา (Just in Time) และการดำเนินการด้านการบริหารคุณภาพ (Kaizen) ตลอดจนมีการดำเนินการตามปรัชญาที่มั่นคง (Consistant Purpose) ซึ่งถือได้ว่าเป็นการดำเนินการตามวิถีแห่งโตโยต้า (Toyota Way)
สัญลักษณ์ของโตโยต้า เป็นรูป ELLIPSE หรือวงรี 2 วง วางซ้อนกันเป็นรูปตัว T และล้อมรอบด้วยรูปวงรีขนาดใหญ่อีก 1 วง เป็นสัญลักษณ์ที่โตโยต้าเพิ่งออกแบบใหม่ขึ้น และเพิ่งนำมาใช้เป็นครั้งแรกเมื่อปลายปี 2532 นี่เอง รถโตโยต้าแบบแรกที่ติดสัญลักษณ์ตัวนี้คือ รถโตโยต้าเซลซิเออร์ (TOYOTA CELSIOR) ซึ่งเพิ่งออกตลาดในญี่ปุ่นเมื่อปลายปีนั้นเช่นกัน โตโยต้าอธิบายความหมายของตัวนี้ว่า รูปวงรีเป็นรูปทรงทางเรขาคณิตซึ่งมีจุดศูนย์กลางหรือจุดโฟกัส 2 จุด โตโยต้านำรูปนี้มาใช้ เพื่อให้เป็นสัญลักษณ์ของการผนึกหัวใจ 2 ดวง เข้าด้วยกัน คือ รูปหัวใจของผู้ใช้รถ กับหัวใจของตัวสินค้า ส่วนพื้นที่ว่างซึ่งบรรจุอยู่ภายในวงรีวงใหญ่ หมายถึงความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ซึ่งสามารถขยายตัวออกไปโดยไม่มีขอบเขต รถยนต์โตโยต้า เป็นผลผลิตของโตโยต้า มอเตอร์ คอร์พอเรชั่น (TOYOTA MOTOR CORPORATION) ซึ่งปัจจุบันเป็นผู้ผลิตรยนต์รายใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่นและใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลกรองจากเจเนอรัล มอเตอร์ส คอร์พอเรชัน (GENERAL MOTORNCORPATION) และฟอร์มอเตอร์คัมปะนี (FORD MOTOR COMPANY) แห่งสหรัฐอเมริกา
ประวัติความเป็นมาของรถยนต์โตโยต้า สามารถย้อนหลังไปได้จนถึงปี 2472 อันเป็นปีที่นาย ซากิชิ โตโยด้า (SAKICH TOYODA) เจ้าของโรงงานผลิตเครื่องทอผ้า TOYODA AUTOMATIC LOOM WORKS ได้ขายสิทธิบัตรการผลิตเครื่องทอผ้าให้แก่บริษัท PLATT BROS แห่งประเทศอังกฤษในราคา 100,000) ปอนด์ และมอบให้ลูกชายของเขาคือ มร. คิชิดร โตโยด้า (MR.KICHIRO TOYODA) เป็นทุนรอนในการทดลองผลิตรถยนต์ รถยนต์แบบแรกที่ผลิตจากโรงงานเครื่องทอผ้าของโตโยต้าและนำออกจำหน่ายในตลาด เป็นรถยนต์นั่ง 4 ประตู เครื่องยนต์ 6 สูบ 65 แรงม้า ใช้แชสซีส์และระบบส่งกำลังของเซฟโรเลต์แห่งสหรัฐอเมริกา ออกสู่ตลาดเป็นครั้งแรกในปี 2479 มีอัตราการผลิต 5 คัน ต่อวัน หนึ่งปีหลังจากโตโยด้าจึงเริ่มการผลิตรถยนต์อย่างจริง ๆ จัง ๆ โดยก่อตั้งบริษัท TOYOTA MOTOR CO., LTD. ขึ้นด้วยเงินทุนประมาณ 3.5 ล้านเหรัยญสหรัฐและประกอบกิจการผลิตรถยนต์สืบต่อกันมาตราบจนปัจจุบัน
ยุคบุกเบิกของโตโยต้า เริ่มจาก “คิชิโร โตโยดะ” บุตรชาย “ซาคาชิ โตโยดะ” ผู้ คิดค้นผลิตเครื่องปั่นด้ายในปี ค.ศ.1933 อาศัยหลักการทอผ้าจากเครื่องจักรกล สู่การผลิตเครื่องยนต์ต้นแบบคันแรกโมเดล AA ในปี 1936 โดยมีทุน 1 ล้านเยน ก่อตั้งโรงงานผลิตรถยนต์ ณ เมืองนาโงยา หลังขายกิจการท้อผ้าของครอบครัวแก่ กลุ่มทุนชาวอังกฤษ
ต้นแบบคันแรกของโตโยต้า คือ โมเดล A1 จำลองสร้างในปี 1935 จากนั้นหนึ่ง ปี เดือนเมษายน ค.ศ.1936 รถยนต์คันแรกโมเดล AA รถยนต์ขนาด 5 ที่นั่ง เครื่องยนต์ 3,380 ซีซี. 65 แรงม้าที่ 3,000 รอบต่อนาที น้ำหนัก 1.5 ตัน เปิดขาย สู่สาธารณชนในราคา 3,350 เยน และได้รับความนิยมอย่างมาก
ทุกขั้นตอนตั้งแต่ตอนประกอบโครงร่างตัวถัง พ่นสี ประกอบชิ้นส่วนภายในและ ภายนอก ล้วนทำจากมือ (Hand Made) จากวิศวกรผู้เชี่ยวชาญโตโยต้า เพื่อให้มั่นใจว่าลูกค้าจะได้รับรถยนต์ มีสมรรถนะมาตรฐานสูงสุด โดยโรงงานผลิตรถยนต์โตโยต้าตั้งอยู่ในโรงงานปั่นด้ายนั่นเอง ซึ่งที่ตั้งปัจจุบันอยู่ใน Toyota Commemorative Museum เมืองนาโงยา
จากโมเดล AA “คิชิโร โตโยดะ” ผลิตรถยนต์รุ่นต่อมาอีกหลายโมเดล ไม่ว่าจะเป็นตระกูล S-Type , R-Type และ G1 รถปิกอัพ บรรทุกขนาด 6 ล้อ แบบ 2 ที่นั่ง เครื่องยนต์ 3,389 ซีซี. 65 แรงม้า ที่ 3,000 รอบต่อนาที มีน้ำหนักบรรทุก 1,500 กิโลกรัม ผลิตในปี 1935 ปีเดียวกับ AA I-Z ปิกอัพเล็ก แบบทหาร เครื่องยนต์ S-Type 4 สูบ ขนาด 995 ซีซี. 30 แรงม้า ที่ 4,000 รอบต่อนาที น้ำหนักบรรทุก 1,000 กิโลกรัม ผลิตใน ปี 1954 ผลิตรถเก๋งรุ่นยอดนิยม Toyopet Crown ขนาด 6 ที่นั่ง เครื่องยนต์ R-Type 4 สูบ ขนาด 1,453 ซีซี. 48 แรงม้า ที่ 4,000 รอบต่อนาที ในปี 1955 จากนั้นอีก 7 ปี ในปี ค.ศ.1962 ถือว่า โตโยต้าก้าวสู่ความสำเร็จมากที่สุด เนื่องจากผลิตรถยนต์ครบ 1 ล้านคัน ปัจจุบัน โตโยต้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชัน จำกัด (TMC) มีโรงานผลิตรถยนต์ครอบคลุม 52 แห่งใน 27 ประเทศทั่วโลก และประเทศไทยเป็นฐาน การผลิตสำคัญอันดับ 3 ที่ทางโตโยต้า มอเตอร์ มีการลงทุนต่อเนื่องกว่า 40 ปีที่ผ่านมา และในปี 2550 โรงงานแห่งที่ 3 จะเปิดดำเนินงานอย่างเป็น ทางการ
ต้นแบบคันแรกของโตโยต้า คือ โมเดล A1 จำลองสร้างในปี 1935 จากนั้นหนึ่ง ปี เดือนเมษายน ค.ศ.1936 รถยนต์คันแรกโมเดล AA รถยนต์ขนาด 5 ที่นั่ง เครื่องยนต์ 3,380 ซีซี. 65 แรงม้าที่ 3,000 รอบต่อนาที น้ำหนัก 1.5 ตัน เปิดขาย สู่สาธารณชนในราคา 3,350 เยน และได้รับความนิยมอย่างมาก
ทุกขั้นตอนตั้งแต่ตอนประกอบโครงร่างตัวถัง พ่นสี ประกอบชิ้นส่วนภายในและ ภายนอก ล้วนทำจากมือ (Hand Made) จากวิศวกรผู้เชี่ยวชาญโตโยต้า เพื่อให้มั่นใจว่าลูกค้าจะได้รับรถยนต์ มีสมรรถนะมาตรฐานสูงสุด โดยโรงงานผลิตรถยนต์โตโยต้าตั้งอยู่ในโรงงานปั่นด้ายนั่นเอง ซึ่งที่ตั้งปัจจุบันอยู่ใน Toyota Commemorative Museum เมืองนาโงยา
จากโมเดล AA “คิชิโร โตโยดะ” ผลิตรถยนต์รุ่นต่อมาอีกหลายโมเดล ไม่ว่าจะเป็นตระกูล S-Type , R-Type และ G1 รถปิกอัพ บรรทุกขนาด 6 ล้อ แบบ 2 ที่นั่ง เครื่องยนต์ 3,389 ซีซี. 65 แรงม้า ที่ 3,000 รอบต่อนาที มีน้ำหนักบรรทุก 1,500 กิโลกรัม ผลิตในปี 1935 ปีเดียวกับ AA I-Z ปิกอัพเล็ก แบบทหาร เครื่องยนต์ S-Type 4 สูบ ขนาด 995 ซีซี. 30 แรงม้า ที่ 4,000 รอบต่อนาที น้ำหนักบรรทุก 1,000 กิโลกรัม ผลิตใน ปี 1954 ผลิตรถเก๋งรุ่นยอดนิยม Toyopet Crown ขนาด 6 ที่นั่ง เครื่องยนต์ R-Type 4 สูบ ขนาด 1,453 ซีซี. 48 แรงม้า ที่ 4,000 รอบต่อนาที ในปี 1955 จากนั้นอีก 7 ปี ในปี ค.ศ.1962 ถือว่า โตโยต้าก้าวสู่ความสำเร็จมากที่สุด เนื่องจากผลิตรถยนต์ครบ 1 ล้านคัน ปัจจุบัน โตโยต้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชัน จำกัด (TMC) มีโรงานผลิตรถยนต์ครอบคลุม 52 แห่งใน 27 ประเทศทั่วโลก และประเทศไทยเป็นฐาน การผลิตสำคัญอันดับ 3 ที่ทางโตโยต้า มอเตอร์ มีการลงทุนต่อเนื่องกว่า 40 ปีที่ผ่านมา และในปี 2550 โรงงานแห่งที่ 3 จะเปิดดำเนินงานอย่างเป็น ทางการ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น